3 จุดยอดฮิต ปวดคอ บ่า ไหล่ เกิดจากอะไร เป็นโรคอะไรได้บ้าง พร้อมวิธีการรับมือ

เคยไหมที่รู้สึกปวดเมื่อยบริเวณคอ บ่า และไหล่พร้อม ๆ กัน? อาการเหล่านี้ไม่ได้เป็นเรื่องปกติ และอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ควรใส่ใจ โดยเฉพาะในยุคที่คนส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน แล้วสงสัยไหมว่าปวดคอ บ่า ไหล่ เกิดจากอะไร บทความนี้จะเจาะลึกถึงสาเหตุของอาการปวดบริเวณยอดฮิตทั้ง 3 จุดนี้ และแนะนำวิธีการรับมืออย่างถูกต้อง

ทำไมปวดคอ บ่า ไหล่ ถึงเป็นพร้อม ๆ กัน

ทำไมถึงมีอาการปวดคอ บา ไหล่พร้อม ๆ กัน เพราะทั้ง 3 ส่วนเป็นส่วนที่เชื่อมต่อและทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เมื่อส่วนใดส่วนหนึ่งมีปัญหา ย่อมส่งผลกระทบต่อส่วนอื่น ๆ ด้วย โดยเฉพาะในปัจจุบันที่พฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราเปลี่ยนไป อาการปวดเหล่านี้จึงเป็นเหมือนสัญญาณเตือนจากร่างกายว่าถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้ว

นอกจากนี้ การที่เราใช้กล้ามเนื้อในบริเวณดังกล่าวทำงานหนักซ้ำ ๆ หรืออยู่ในท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน เช่น การก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ การนั่งหลังค่อม หรือการสะพายกระเป๋าหนักข้างเดียว ก็ทำให้เกิดความตึงของกล้ามเนื้อได้ง่าย เมื่อกล้ามเนื้อตึงตัว เลือดไหลเวียนไม่สะดวก ก็จะทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยและชาในที่สุด

ปวดคอ บ่า ไหล่ เกิดจากอะไรได้บ้าง

อาการปวดคอ บ่า ไหล่ เกิดจากสาเหตุหลายประการประกอบกัน ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ดังนี้

การใช้ชีวิตประจำวัน

พฤติกรรมในชีวิตประจำวันที่มีผลต่อการปวดตามจุดต่าง ๆ เช่น

• การก้มหน้ามองโทรศัพท์ หรือ Text Neck Syndrome ทำให้คอต้องรับน้ำหนักศีรษะมากกว่าปกติ
• การนอนผิดท่า หรือใช้หมอนที่สูงหรือต่ำเกินไป ทำให้กระดูกสันหลังช่วงคออยู่ในท่าที่ไม่เหมาะสม
• ความเครียดสะสม ทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งโดยไม่รู้ตัว
• การออกกำลังกายที่ไม่ถูกต้อง หรือการใช้งานกล้ามเนื้อหนักเกินไป

ความเสื่อมของกระดูก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น

ความเสื่อมของกระดูก กล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นเป็นกระบวนการตามธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้เร็วขึ้นจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น การใช้งานหนัก พฤติกรรมการใช้ชีวิต และการบาดเจ็บ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของร่างกาย ทำให้เกิดอาการปวดและข้อจำกัดในการเคลื่อนไหว

บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ

ความรู้สึกปวดบริเวณคอ บ่า และไหล่หลังจากอุบัติเหตุ ถือเป็นเรื่องปกติและเป็นอาการที่พบได้บ่อย เนื่องจากเป็นส่วนที่ได้รับแรงกระแทกหรือมีการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งแต่ละสาเหตุมีความรุนแรงแตกต่างกันไป ดังนี้

• อาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ (Whiplash) เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุดในอุบัติเหตุรถยนต์ เกิดจากการที่คอถูกเหวี่ยงไปด้านหน้าและด้านหลังอย่างรวดเร็ว ทำให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นรอบคอได้รับบาดเจ็บ มีอาการปวดและตึงบริเวณคอ บ่า และไหล่ บางครั้งอาจมีอาการปวดศีรษะร่วมด้วย
• การบาดเจ็บของหมอนรองกระดูก แรงกระแทกจากการชนอาจทำให้หมอนรองกระดูกบริเวณคอเคลื่อนที่หรือแตกออกไปกดทับเส้นประสาท ทำให้มีอาการปวดร้าว ชา หรืออ่อนแรงตามแขนและนิ้ว
• การบาดเจ็บของเส้นเอ็นและข้อต่อจากการบิดหรือยืดอย่างผิดปกติของคอและไหล่จากอุบัติเหตุอาจทำให้เส้นเอ็นและข้อต่อได้รับบาดเจ็บ ทำให้เกิดอาการปวดและเคลื่อนไหวได้จำกัด
• กระดูกหักหรือเคลื่อน แม้จะเป็นกรณีที่พบได้ไม่บ่อยนัก แต่การบาดเจ็บรุนแรงอาจทำให้กระดูกบริเวณคอหรือไหปลาร้าหักหรือเคลื่อนได้

ออฟฟิศซินโดรม

ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) หรือภาวะที่กล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ ตึงตัวจากการนั่งทำงานผิดท่าเป็นเวลานาน เป็นกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและกระดูกที่พบได้บ่อยในผู้ที่ทำงานในออฟฟิศ หรือผู้ที่ต้องนั่งทำงานอยู่กับที่เป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ เป็นประจำ

โรคอื่น ๆ

นอกจากนี้ยังมีโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่อาจทำให้เกิดปารปวดเมื่อยตามจุดต่างได้ เช่น

• โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท: เมื่อหมอนรองกระดูกเสื่อมสภาพและเคลื่อนไปกดทับเส้นประสาท ทำให้มีอาการปวดร้าว ชา หรืออ่อนแรงตามแขนและนิ้ว
• โรคกระดูกคอเสื่อม: เกิดจากการใช้งานเป็นเวลานานจนกระดูกและข้อต่อเสื่อมสภาพ ทำให้กระดูกงอกไปกดทับเส้นประสาท
• โรคข้อไหล่ติด: เกิดจากการอักเสบของเนื้อเยื่อรอบข้อไหล่ ทำให้เคลื่อนไหวแขนได้จำกัดและปวดมาก โดยเฉพาะเวลากลางคืน
• กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและพังผืด (Myofascial Pain Syndrome): เกิดจากจุดที่กล้ามเนื้อหดเกร็งเป็นปม ทำให้รู้สึกปวดตื้อ ๆ และอาจร้าวไปยังบริเวณอื่นได้

รักษาอาการปวดคอ บ่า ไหล่ อย่างตรงจุด ที่ Rachata Gaya Clinic

รักษาอาการปวดคอ บ่า ไหล่ อย่างตรงจุด ต้องที่ Rachata Gaya Clinic เมื่อทราบแล้วว่าปวดคอ บ่า ไหล่ เกิดจากอะไร แนะนำให้พบผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำการรักษาอาการปวดคอ บ่า ไหล่ที่ตรงจุด เพราะไม่ใช่เพื่อแค่การบรรเทาอาการ แต่ต้องแก้ไขที่ต้นเหตุของปัญหา Rachata Gaya Clinic เข้าใจความซับซ้อนของอาการเหล่านี้ และพร้อมดูแลคุณด้วยการรักษาที่หลากหลายและครอบคลุม

• การจัดกระดูก
• Shockwave Therapy
• Acupuncture
• Physical Therapy

Rachata Gaya มีโปรโมชั่นอะไรบ้าง

โปรโมชั่นจาก Rachata Gaya เพียงใช้บัตรเครดิต KTC แล้วชำระเต็มจำนวน จะได้รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 12.5%

• สิทธิพิเศษที่ 1: ส่วนลด 10% ทุกบริการ
• ส่วนลด: รับทันที 10% สำหรับทุกบริการที่ Rachata Gaya ทุกสาขา
• ระยะเวลา: 15 กรกฎาคม 2568 – 31 ธันวาคม 2568

• สิทธิพิเศษที่ 2: พิเศษทุกวันพุธ!
• ส่วนลด: รับส่วนลด 15% สำหรับคอร์สกายภาพบำบัด 10 ครั้งขึ้นไป
• เงื่อนไข: สำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC เท่านั้น
• ระยะเวลา: 15 กรกฎาคม 2568 – 31 ธันวาคม 2568

• สิทธิพิเศษที่ 3: รับเครดิตเงินคืน 0.5% ตั้งแต่บาทแรก
• เครดิตเงินคืน: รับ 0.5% ของยอดใช้จ่ายเต็มจำนวนที่ Rachata Gaya
• วิธีการรับสิทธิ์: ลงทะเบียนผ่าน SMS: พิมพ์ BWC เว้นวรรค ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต KTC 16 หลัก แล้วส่งไปที่ 061 384 5000 (มีค่าบริการ SMS)
• สำคัญ: คุณต้องได้รับข้อความตอบกลับยืนยันการลงทะเบียนสำเร็จจึงจะถือว่าสมบูรณ์ ควรลงทะเบียนก่อนหรือภายในวันที่มียอดใช้จ่าย (ลงทะเบียนเพียงครั้งเดียวต่อ 1 หมายเลขบัตร สำหรับตลอดรายการ)
• ระยะเวลา: 1 กรกฎาคม 2568 – 31 ธันวาคม 2568

เงื่อนไขการเข้ารับบริการที่สำคัญ

• ต้องแสดงบัตรเครดิต KTC เพื่อยืนยันการใช้สิทธิ์
• ต้องชำระค่าสินค้า/บริการด้วยบัตรเครดิต KTC เท่านั้น
• ควรสำรองคิวล่วงหน้า โดยติดต่อได้ที่ Line ID: @rachatagaya, โทร. 092 862 6988 หรือผ่านเว็บไซต์ www.rachatagaya.com
• เงื่อนไขอื่นๆ เป็นไปตามที่ร้านค้ากำหนด

ลงทะเบียนฟรีผ่านเว็บไซต์: เข้าไปที่ www.ktc.co.th/wellnessmax

สาขาของ Rachata Gaya Clinic

คลินิก กายภาพ รัชตกายา เปิดให้บริการ 8 สาขา เวลา 9.00-20.00

• สาขา บางนา ถนนลาซาล
• สาขาบางแค ถนนกัลปพฤกษ์
• สาขาดอนเมือง ซอยสรงประภา 13
• สาขาวัชรพล ปั๊มบางจาก สุขาภิบาล 5
• สาขาชิดลม ตึกมณียาเซ็นเตอร์
• สาขาเซนทรัลปิ่นเกล้า
• สาขาเดอะคริสตัล ชัยพฤกษ์
• สาขา เสรีไทย BNN Park

หากคุณสนใจที่จะตรวจประเมินอาการกับนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญของเรา แอดไลน์ @rachatagaya เพื่อสอบถามคิวว่างและนัดเข้ามาได้เลย