ปวดคอ บ่า ไหล่ เกิดจากอะไร? เจาะลึกสาเหตุ พร้อมแนวทางบรรเทาแบบได้ผลจริง


09/Aug/2025
09/Aug/2025 12:00 PM

ปวดคอ บ่า ไหล่ เกิดจาก

อาการปวดร่างกาย คอ บ่า ไหล่ ไม่ได้เป็นเพียงอาการเล็กน้อยที่คุณควรปล่อยผ่าน เพราะบ่อยครั้งมันคือสัญญาณเตือนจากร่างกายที่บ่งบอกถึงปัญหาที่ซ่อนอยู่ หากคุณเป็นหนึ่งในคนทำงานออฟฟิศที่ต้องนั่งหน้าคอมพิวเตอร์นาน ๆ หรือใช้สมาร์ทโฟนเป็นเวลานานจนเริ่มรู้สึกตึง ปวดเมื่อย หรือมีอาการปวดร้าวลงแขน นั่นอาจถึงเวลาที่คุณต้องหันมาทำความเข้าใจกับต้นตอของปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจัง

เราจะพาคุณไปสำรวจว่า ปวดคอ บ่า ไหล่ เกิดจาก สาเหตุใดได้บ้าง พร้อมแนะแนวทางบรรเทาอาการและป้องกันไม่ให้อาการเหล่านี้กลับมากวนใจคุณอีกในอนาคต เพราะการแก้ที่ต้นเหตุคือวิธีที่ดีที่สุดในการมีคุณภาพชีวิตที่ไร้ความเจ็บปวด


 

สารบัญ


อาการปวดคอ บ่า ไหล่ แบบไหนบ่งบอกถึงปัญหาร้ายแรง?

อาการปวดคอ บ่า ไหล่ แบบร้ายแรง มีดังนี้


อาการปวดแบบเฉียบพลัน vs อาการเรื้อรัง

ก่อนอื่นอาการปวดคอ บ่า ไหล่สามารถแบ่งได้เป็นสองประเภทหลัก ๆ คือ อาการปวดแบบเฉียบพลัน ที่หมายถึงเกิดขึ้นฉับพลันหลังจากการเคลื่อนไหวผิดท่าหรืออุบัติเหตุ และอาการปวดแบบเรื้อรัง ที่ปวดต่อเนื่องนานเกิน 3-6 เดือน แม้ทั้งสองประเภทจะสร้างความรำคาญใจ แต่ปวดเรื้อรังมักเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามีปัญหาเชิงโครงสร้างของร่างกายที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจังมากกว่า


สัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม

ถ้าหากคุณมีอาการปวดคอ บ่า ไหล่ร่วมกับอาการเหล่านี้ควรรีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทันที

- มีอาการปวดร้าวลงแขนหรือนิ้วมือ
- มีอาการชาหรืออ่อนแรงที่แขน มือ หรือนิ้ว
- ไม่สามารถขยับคอได้สุดช่วงการเคลื่อนไหว
- มีอาการปวดมากขึ้นเมื่อไอ จาม หรือเบ่ง
- มีอาการปวดตอนกลางคืนจนรบกวนการนอน


ปวดคอ บ่า ไหล่ เกิดจาก

ปวดคอ บ่า ไหล่ เกิดจากอะไรบ้าง?

ปวดคอ บ่า ไหล่ เกิดจากปัจจัยเหล่านี้


ท่าทางและพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน

ท่าทางและพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ปวดคอ บ่า ไหล่ เกิดจาก การจัดท่าทางที่ไม่ถูกต้องเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการยืน การเดิน หรือการนั่ง หากคุณอยู่ในท่าทางที่ทำให้กล้ามเนื้อต้องทำงานหนักเกินไปเป็นเวลานาน ก็จะทำให้กล้ามเนื้อเกิดความตึงเครียดและนำไปสู่อาการปวดในที่สุด


การนั่งทำงานหน้าคอมนานเกินไป

การนั่งทำงานหน้าคอมนานเกินไป สำหรับชาวออฟฟิศ การนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ในท่าเดิมซ้ำ ๆ ทำให้กล้ามเนื้อคอ บ่า และไหล่ต้องทำงานหนักตลอดเวลา กลายเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดอาการปวดเรื้อรัง


ใช้มือถือ/แท็บเล็ตผิดท่าจนเกิด Text Neck

ใช้มือถือ/แท็บเล็ตผิดท่าจนเกิด Text Neck การก้มหน้าเล่นมือถือเป็นเวลานาน ทำให้คออยู่ในลักษณะที่ผิดธรรมชาติ เกิดแรงกดที่กระดูกสันหลังส่วนคอเพิ่มขึ้นอย่างมาก นำไปสู่ภาวะที่เรียกว่า "Text Neck" ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุยอดฮิตของอาการปวดคอ บ่า ไหล่ในปัจจุบัน


ภาวะกล้ามเนื้ออักเสบจากการใช้งานซ้ำ

ภาวะกล้ามเนื้ออักเสบจากการใช้งานซ้ำ การใช้งานกล้ามเนื้อคอ บ่า และไหล่ซ้ำ ๆ เป็นระยะเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นจากการทำงานหรือการออกกำลังกาย จะทำให้กล้ามเนื้อเกิดการอักเสบสะสม จนนำไปสู่จุดกดเจ็บ (Trigger Point) ที่ทำให้เกิดอาการปวดร้าวไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้


ความผิดปกติของกระดูกสันหลังหรือหมอนรองกระดูก

ความผิดปกติของกระดูกสันหลังหรือหมอนรองกระดูก ในบางกรณี อาการปวดคอ บ่า ไหล่ อาจไม่ได้เกิดจากกล้ามเนื้อเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างร่างกาย เช่น ภาวะหมอนรองกระดูกเคลื่อนทับเส้นประสาท กระดูกสันหลังคอเสื่อม หรือกระดูกคอผิดรูป


อาการแฝงจากโรคอื่น เช่น หมอนรองกระดูกเคลื่อน, ไทรอยด์, โรคหัวใจบางชนิด

บางครั้งอาการปวดที่เกิดขึ้นอาจเป็นอาการแฝงของโรคอื่น ๆ เช่น หมอนรองกระดูกเคลื่อนที่ทับเส้นประสาท, อาการปวดไหล่จากภาวะไทรอยด์ หรือในบางกรณีปวดร้าวที่ไหล่ซ้ายอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคหัวใจได้


Rachata gaya

วิธีวินิจฉัยอาการปวดคอ บ่า ไหล่ให้ตรงจุด

วิธีวินิจฉัยอาการปวดคอ บ่า ไหล่ให้ตรงจุด สามารถทำได้โดยการซักประวัติ การใช้เครื่องมือตรวจวิเคราะห์ และการใช้เครื่อง x-ray เป็นตัวช่วย โดยแต่ละส่วนจะสามารถอธิบายรายละเอียดได้ดังนี้


การซักประวัติและตรวจร่างกายโดยนักกายภาพ

นักกายภาพบำบัดจะเริ่มจากการซักประวัติอย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมและอาการของคุณ จากนั้นจะทำการตรวจร่างกายเพื่อประเมินการเคลื่อนไหว ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และตรวจหาจุดกดเจ็บที่อาจเป็นสาเหตุของอาการปวด


การใช้เครื่องมือตรวจวิเคราะห์ (เช่น Manual Muscle Testing, ROM)

เครื่องมือวินิจฉัยที่นักกายภาพบำบัดใช้ เช่น Manual Muscle Testing การทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ และ Range of Motion (ROM) การทดสอบช่วงการเคลื่อนไหวของข้อต่อ ช่วยให้นักกายภาพบำบัดสามารถประเมินและวินิจฉัยปัญหาได้อย่างแม่นยำ


จำเป็นต้อง X-ray หรือ MRI หรือไม่?

การ X-ray หรือ MRI อาจมีความจำเป็นในกรณีที่นักกายภาพบำบัดสงสัยว่าอาการปวดมีสาเหตุมาจากปัญหาเชิงโครงสร้างของกระดูก เช่น หมอนรองกระดูกเคลื่อน กระดูกเสื่อม หรือกระดูกคอผิดรูป ซึ่งการส่งตรวจนี้จะต้องได้รับการพิจารณาจากแพทย์เป็นหลัก


Rachata gaya

รักษาอาการปวดคอ บ่า ไหล่แบบไม่ใช้ยา

การรักษาด้วยกายภาพบำบัดมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุโดยไม่ต้องพึ่งยา โดยใช้วิธีการที่หลากหลาย เช่น การทำ Manual Therapy เพื่อคลายกล้ามเนื้อและพังผืด, การใช้ Shockwave Therapy เพื่อกระตุ้นการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อ, และการให้คำแนะนำในการปรับเปลี่ยนท่าทางและพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ


ปวดคอ บ่า ไหล่ ไม่หาย ต้องแก้อย่างไร?

หากอาการปวดคอ บ่า ไหล่ ไม่หาย ไม่ดีขึ้นแม้จะพักผ่อนหรือลองดูแลตัวเองเบื้องต้นแล้ว การเข้ารับการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะนักกายภาพบำบัดจะสามารถวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริงและวางแผนการรักษาที่ตรงจุด เพื่อให้คุณหายจากอาการปวดได้อย่างยั่งยืน


Rachata gaya

ทำไมคนทำงานออฟฟิศถึงปวดคอ บ่า ไหล่มากกว่าคนทั่วไป?

สาเหตุหลักมาจากพฤติกรรมการนั่งทำงานเป็นเวลานานในท่าเดิม ๆ การจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ไม่ถูกระดับ และการใช้เมาส์หรือคีย์บอร์ดที่ทำให้กล้ามเนื้อต้องเกร็งตัวตลอดเวลา ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อย ปวดกล้ามเนื้อจากการทำงานและกลายเป็นปัญหาเรื้อรังได้ง่าย จนนำไปสู่การวิเคราะห์โรคอย่าง "ออฟฟิศซินโดรม"


ทำไมควรเลือก “Rachatagaya” หากคุณปวดคอ บ่า ไหล่?

รัชตกายา คลินิกกายภาพบําบัด เข้าใจปัญหาปวดคอ บ่า ไหล่ของคนยุคใหม่เป็นอย่างดี เราไม่เพียงแต่มุ่งรักษาอาการปวด แต่เน้นการวิเคราะห์รากของปัญหาตามความเชื่อมโยงของกล้ามเนื้อและโครงสร้างร่างกายทั้งหมด เพื่อวางแผนการรักษาและปรับแก้พฤติกรรมให้คุณมีชีวิตที่ไร้ความเจ็บปวดอย่างยั่งยืน


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการปวดคอ บ่า ไหล่

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับอาการปวดคอ บ่า ไหล่


ปวดคอ บ่า ไหล่ เกิดจากความเครียดได้ไหม?

คำตอบ คือ ได้ เนื่องจากความเครียดส่งผลให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนบางชนิดที่ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหดเกร็งโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดคอ บ่า ไหล่


ปวดด้านซ้ายหรือด้านขวา อันตรายต่างกันไหม?

อาการปวดไม่ว่าด้านใดก็เป็นสัญญาณเตือนจากร่างกาย แต่หากอาการปวดร้าวไปที่ไหล่ซ้ายร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น แน่นหน้าอก หายใจลำบาก อาจเป็นสัญญาณของโรคหัวใจบางชนิด ซึ่งควรรีบไปพบแพทย์ทันที


ต้องกายภาพกี่ครั้งจึงจะดีขึ้น?

จำนวนครั้งขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและการตอบสนองของแต่ละบุคคล นักกายภาพบำบัดจะประเมินและวางแผนการรักษาให้เหมาะสมที่สุด

บล็อคที่เพิ่งดูไป

Contact us