อาการปวดเมื่อย ออฟฟิศซินโดรม หรือการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา เป็นปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญ การตามหาคลินิกกายภาพใกล้ฉัน จึงเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยม แต่การจะเลือกคลินิกกายภาพบำบัดที่ดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย บทความนี้จะมาช่วยไขข้อข้องใจว่าคลินิกที่ดีควรมีอะไรบ้าง พร้อมแนะนำ 5 ข้อควรระวังก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษา
ข้อควรระวังถ้าต้องเข้ารับบริการ มีอะไรบ้าง
ข้อควรระวังที่ควรรู้ก่อนเข้ารับบริการคลินิกกายภาพบําบัด ใกล้ฉัน การรักษาด้วยเครื่องมือและหัตถการที่ทันสมัยอาจช่วยให้เห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วขึ้น แต่ก็มีข้อควรระวังที่ต้องคำนึงถึง เพื่อให้การรักษามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงสุด ดังนี้
Shockwave
การรักษาด้วยเครื่อง Shockwave Therapy เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการบรรเทาอาการปวดเรื้อรัง หากผู้ที่รับการรักษาอยู่ในระหว่างรับการฉีดยาสเตียรอยด์ มีปัญหาเกี่ยวกับโรคผิวหนัง หรืออยู่ในภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำส่วนลึก ควรปรึกษาแพทย์หรือนักกายภาพบำบัดก่อนทำทุกครั้งเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพที่สุด และควรหลีกเลี่ยงการทำ Shockwave บริเวณกล้ามเนื้อคอและหลังใบหู เพราะอาจกระตุ้นให้เกิดอาการหูอื้อ และควรหลีกเลี่ยงการใช้คลื่น Shockwave โดยตรงกับบริเวณปอดหรืออวัยวะภายในที่สำคัญอื่น ๆ
PMS
PMS เป็นการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในการกระตุ้นกล้ามเนื้อและเส้นประสาท จึงมีข้อควรระวังสำหรับผู้ที่มีภาวะเลือดแข็งตัวช้า หรือใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ผู้ที่มีความรู้สึกไวต่อการกระตุ้น และผู้ที่ใส่เครื่องประดับหรือมีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใกล้ตัว ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนทำการรักษา และมีควรหลีกเลี่ยงการทำPMS บริเวณใกล้ศีรษะหรืออวัยวะภายในที่สำคัญ เช่น หัวใจ และปอด
Ultrasound Therapy
Ultrasound Therapy เป็นการรักษาที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงเมื่อทำโดยผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็มีข้อควรระวังและข้อห้ามที่สำคัญเพื่อป้องกันผลข้างเคียงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น โดยผู้ที่มีภาวะหลอดเลือดอุดตัน และผู้ที่มีประวัติโรคหัวใจหรือใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ อีกทั้งควรหลีกเลี่ยงการทำ Ultrasound Therapy บริเวณใกล้ดวงตา เนื่องจากการใช้คลื่นอัลตราซาวด์อาจทำอันตรายต่อเลนส์ตาและอวัยวะภายในลูกตา บริเวณใกล้หัวใจและสมอง คลื่นอัลตราซาวด์อาจส่งผลกระทบต่ออวัยวะที่สำคัญเหล่านี้ และบริเวณที่ติดเชื้อหรือมีอาการอักเสบเฉียบพลัน เพราะการใช้คลื่นความร้อนอาจทำให้อาการอักเสบรุนแรงขึ้น
Electrical Stimulation Therapy
การรักษาด้วยเครื่องกระตุ้นไฟฟ้า (Electrical Stimulation Therapy) ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวด ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ และลดอาการบวม สำหรับผู้ที่เป็นลมชัก ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ หรือบริเวณที่มีโลหะหรือวัสดุฝังในร่างกาย ควรปรึกษาแพทย์อย่างรอบคอบก่อนทำการรักษา
Laser Therapy
การทำ Laser Therapy เป็นการรักษาที่ปลอดภัยและไม่เจ็บปวด แต่เนื่องจากเป็นการใช้พลังงานแสงในการกระตุ้นเซลล์ จึงมีข้อควรระวังและข้อห้ามที่สำคัญเพื่อป้องกันผลข้างเคียงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น โดยไม่เหมาะกับผู้ป่วยมะเร็งหรือเนื้องอก บริเวณใกล้ดวงตา บริเวณที่มีการติดเชื้อ หรือบริเวณที่ยังมีเลือดออกเฉียบพลันหรือมีการฟกช้ำรุนแรง
หัตถการอื่น ๆ
นอกจากนี้ยังมีหัตการอื่น ๆ เช่น นวดบำบัด หรือฝังเข็มที่เป็นที่นิยมในการทำกายภาพ ซึ่งทั้ง 2 วิธีก็มีข้อควรระวังเช่นกัน โดยบริเวณที่ห้ามนวดบำบัด เช่น
- บริเวณที่มีการติดเชื้อเฉียบพลันหรืออักเสบ
- บริเวณที่มีบาดแผลเปิด แผลไฟไหม้ หรือแผลผ่าตัดที่ยังไม่หายสนิท
- ผู้ที่มีภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน (DVT)
- ผู้ป่วยมะเร็ง
- ผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุนรุนแรง
ข้อห้ามและข้อควรระวังสำหรับการฝังเข็ม เช่น
- ผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่ายหรือมีโรคเลือดออกผิดปกติ
- ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker)
- บริเวณมะเร็งหรือเนื้องอก
- ผู้ที่มีอาการกลัวเข็มรุนแรง
- บริเวณที่มีการติดเชื้อหรือเป็นแผลเปิด
- บริเวณใกล้ข้อต่อเทียมหรือวัสดุโลหะที่ฝังในร่างกาย
คลินิกกายภาพบำบัดที่ดี ต้องเป็นยังไง
การเลือกคลินิกที่ดีเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้การรักษาได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวัง นอกจากจะหาคลินิกกายภาพบําบัดใกล้ฉันแล้ว ควรพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้ด้วย
- นักกายภาพบำบัดที่มีใบอนุญาต ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้มั่นใจได้ว่านักกายภาพบำบัดมีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ที่เพียงพอในการตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
- เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัยเหมาะสมกับอาการของผู้ป่วยแต่ละคน และความสะอาดของอุปกรณ์และสถานที่ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อป้องกันการติดเชื้อและสร้างบรรยากาศที่ปลอดภัยและน่าไว้วางใจ
- สถานที่ตั้ง การเดินทางสะดวกสบาย เพราะการรักษากายภาพบำบัดมักต้องใช้ระยะเวลาต่อเนื่อง หากคลินิกอยู่ไกลอาจทำให้ผู้ป่วยหมดกำลังใจในการรักษา
- การให้คำแนะนำที่ครอบคลุมมากกว่าการรักษาที่คลินิก ต้องมีการแนะนำท่าบริหารที่สามารถทำได้เองที่บ้าน และการปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเพื่อป้องกันไม่ให้อาการกลับมาเป็นซ้ำอีกครั้ง
Rachata Gaya มีโปรโมชั่นอะไรบ้าง
โปรโมชั่นจาก Rachata Gaya เพียงใช้บัตรเครดิต KTC แล้วชำระเต็มจำนวน จะได้รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 12.5%
- สิทธิพิเศษที่ 1: ส่วนลด 10% ทุกบริการ
- ส่วนลด: รับทันที 10% สำหรับทุกบริการที่ Rachata Gaya ทุกสาขา
- ระยะเวลา: 15 กรกฎาคม 2568 – 31 ธันวาคม 2568
- สิทธิพิเศษที่ 2: พิเศษทุกวันพุธ!
- ส่วนลด: รับส่วนลด 15% สำหรับคอร์สกายภาพบำบัด 10 ครั้งขึ้นไป
- เงื่อนไข: สำหรับสมาชิกบัตรเครดิต KTC เท่านั้น
- ระยะเวลา: 15 กรกฎาคม 2568 – 31 ธันวาคม 2568
- สิทธิพิเศษที่ 3: รับเครดิตเงินคืน 0.5% ตั้งแต่บาทแรก
- เครดิตเงินคืน: รับ 0.5% ของยอดใช้จ่ายเต็มจำนวนที่ Rachata Gaya
- วิธีการรับสิทธิ์: ลงทะเบียนผ่าน SMS: พิมพ์ BWC เว้นวรรค ตามด้วยหมายเลขบัตรเครดิต KTC 16 หลัก แล้วส่งไปที่ 061 384 5000 (มีค่าบริการ SMS)
- สำคัญ: คุณต้องได้รับข้อความตอบกลับยืนยันการลงทะเบียนสำเร็จจึงจะถือว่าสมบูรณ์ ควรลงทะเบียนก่อนหรือภายในวันที่มียอดใช้จ่าย (ลงทะเบียนเพียงครั้งเดียวต่อ 1 หมายเลขบัตร สำหรับตลอดรายการ)
- ระยะเวลา: 1 กรกฎาคม 2568 – 31 ธันวาคม 2568
เงื่อนไขการเข้ารับบริการที่สำคัญ
- ต้องแสดงบัตรเครดิต KTC เพื่อยืนยันการใช้สิทธิ์
- ต้องชำระค่าสินค้า/บริการด้วยบัตรเครดิต KTC เท่านั้น
- ควรสำรองคิวล่วงหน้า โดยติดต่อได้ที่ Line ID: @rachatagaya, โทร. 092 862 6988 หรือผ่านเว็บไซต์ www.rachatagaya.com
- เงื่อนไขอื่นๆ เป็นไปตามที่ร้านค้ากำหนด
ลงทะเบียนฟรีผ่านเว็บไซต์: เข้าไปที่ www.ktc.co.th/wellnessmax
สาขาของ Rachata Gaya Clinic
คลินิก กายภาพ รัชตกายา เปิดให้บริการ 8 สาขา เวลา 9.00-20.00
- สาขา บางนา ถนนลาซาล
- สาขาบางแค ถนนกัลปพฤกษ์
- สาขาดอนเมือง ซอยสรงประภา 13
- สาขาวัชรพล ปั๊มบางจาก สุขาภิบาล 5
- สาขาชิดลม ตึกมณียาเซ็นเตอร์
- สาขาเซนทรัลปิ่นเกล้า
- สาขาเดอะคริสตัล ชัยพฤกษ์
- สาขา เสรีไทย BNN Park
หากคุณสนใจที่จะตรวจประเมินอาการกับนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญของเรา แอดไลน์ @rachatagaya เพื่อสอบถามคิวว่างและนัดเข้ามาได้เลย