31/11/2022

สาเหตุที่คุณคาดไม่ถึงของอาการปวดไมเกรน และหายได้โดยไม่ต้องพึ่งยา

ไมเกรน คือ อาการปวดศีรษะแบบข้างเดียวมีสาเหตุหลักจากหลอดเลือดภายในสมองเกิดการขยายตัวรวมถึงสารเคมีบางอย่างในสมองทำงานผิดปกติ ซึ่งอาการที่แสดงจะต่างจากการปวดหัวด้วยโรคไข้หวัดและปวดหัวทั่วไปมักสร้างปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวันให้กับผู้คนจำนวนมากจึงอยากพาทุกคนมาศึกษาเกี่ยวกับสาเหตุทางพฤติกรรมว่าโรคนี้เกิดจากอะไรและถ้าต้องการแก้ปวดไมเกรนมีวิธีไหนน่าสนใจบ้าง อย่ารอช้า
‍
สาเหตุที่คาดไม่ถึงของอาการปวดไมเกรน
‍หากอธิบายถึงสาเหตุทางกายภาพก็ตามที่บอกไว้ในข้างต้นเลยแต่สำหรับสาเหตุทางพฤติกรรมจริง ๆแล้วทางการแพทย์เองยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเกิดจากอะไรกันแน่อย่างไรก็ตามเมื่อได้ลองศึกษาอย่างละเอียดก็พบกับปัจจัยกระตุ้นหลายด้านซึ่งมักทำให้อาการของโรคกำเนิดขึ้นประกอบไปด้วย

-  ความเครียดจากการทำงานเรื่องส่วนตัว และการใช้ชีวิตอื่น ๆ สมองจึงต้องทำงานหนัก
-  ฮอร์โมนภายในร่างกายของผู้หญิงมีการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะช่วงวันนั้นของเดือน
-  พักผ่อนไม่เพียงพอนอนน้อย หรือบางรายอาจเกิดจากการนอนมากเกินไป
-  ปัจจัยแวดล้อมภายนอกที่คุณต้องพบเจอในแต่ละวันเช่น แสงแฟลช, กลิ่นไม่พึงประสงค์รุนแรง, เสียงดังเป็นระยะเวลานาน,การอยู่ในสภาพอากาศร้อนจัดหรืออากาศเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน
-  การสูบบุหรี่จัด
-  การใช้งานบางประเภท
-  มีอาการหิวจัดจากการทานอาหารไม่เพียงพอ
-  เลิกดื่มกาแฟและเครื่องดื่มคาเฟอีนทุกประเภทในช่วงแรก (อาการถอนคาเฟอีน)
‍
วิธีแก้ปวดไมเกรนหายได้จริงโดยไม่ต้องพึ่งยา
‍ปกติแล้วเมื่อมีอาการป่วยด้วยโรคนี้วิธีแก้ปวดไมเกรนที่คนทั่วไปนิยมทำคือ การไปพบแพทย์และมักได้รับยากลับมา หรืออาจเป็นการฉีดยาเพื่อบรรเทาอาการปวดซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดทว่าหากลองสังเกตเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะอาการของโรคก็มีสิทธิ์กลับมาเป็นใหม่ได้เสมอวิธีแก้ปวดไมเกรนที่อยากแนะนำให้ทุกคนลองคือ “การทำกายภายบำบัด” อ่านมาถึงตรงนี้อาจกำลังสงสัยว่าการกายภาพบำบัดเกี่ยวข้องอย่างไรคำตอบก็ง่ายมาก เมื่อไปถึงคลินิกกายภาพบำบัดแล้วแจ้งหมอกายภาพบำบัดหรือนักกายภาพบำบัดว่าตนเองเป็นไมเกรนทางคลินิกก็จะแจ้งคอร์สการนวดที่เหมาะสมให้ทันที

หลักการนวดแก้ปวดไมเกรนจะเป็นการผ่อนคลายบริเวณศีรษะและลำคอช่วยลดอาการเกร็งบริเวณกล้ามเนื้อต้นคอ ทั้งนี้นอกจากการนวดมือแล้วยังอาจเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ความร้อนอาทิ ประกอบแผ่นร้อน นวดด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์ เป็นต้น อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นแต่ทั้งนี้ก็ต้องรู้จักปรับพฤติกรรมของตนเองด้วยเพื่อให้ห่างไกลจากโรคและมีสุขภาพที่ดีในทุกช่วงชีวิต