พนักงานออฟฟิศ หรือคนที่ต้องนั่งทำงานเป็นเวลานาน ๆ อาจไม่รู้ เลยไม่ทันได้ระวัง ว่าหนึ่งในสาเหตุยอดนิยมของอาการปวดหลัง ปวด คอ บ่า ไหล่ และออฟฟิศซินโดรม เกิดจากการที่ยุคนี้ เรามีการทำงานจากที่บ้านมากขึ้น และทำงานจากที่บ้านเป็นเวลานาน ๆ โดยไม่มีการปรับท่าทางที่เหมาะสม ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพร่างกายได้ มาดูกันว่า 4 เคล็ดลับที่ทางรัชตกายา คลินิกกายภาพ รวบรวมมาให้เพื่อลดอาการปวดจากการทำงานที่บ้านมีอะไรบ้าง
การปรับสภาพแวดล้อมการทำงาน นอกจากจะทำให้การทำงานอยู่ในอารมณ์สุนทรีย์มากขึ้น ยังช่วยซัพพอร์ทร่างกาย ให้ลดความเสี่ยงในการปวดหลังด้วย ซึ่งที่รัชตกายา ขอแนะนำวิธีปรับสภาพแวดล้อมเพื่อการทำงาน 4 ข้อดังนี้
● เลือกเก้าอี้ที่มีพนักพิงรองรับหลังส่วนล่าง : เก้าอี้ที่ดีจะช่วยลดการกดทับที่กระดูกสันหลัง และช่วยให้เรานั่งสบายมากขึ้น หากมีงบประมาณมากขึ้นสามารถเลือกเก้าอี้ที่ได้รับการออกแบบทางสรีรศาสตร์หรือ Ergonomics เพื่อการรองรับร่างกายที่ดีที่สุด
● ปรับความสูงของเก้าอี้ให้เท้าแตะพื้นได้พอดี : ความสูงที่เหมาะสมจะช่วยให้การนั่งของเราไม่ทำให้ขาและเข่ารู้สึกอึดอัด เก้าอี้ที่ดีจะสามารถปรับระดับความสูงได้
● ทำพนักพิงให้รองรับหลังส่วนล่าง : โดยการเลือกเก้าอี้ที่มีซัพพอร์ตโดยเฉพาะหรือหาหมอนมารองบริเวณหลังส่วนล่าง
● ปรับความสูงของโต๊ะให้ข้อศอกตั้งฉากกับพื้น และแขนวางราบกับโต๊ะ : ความสูงของโต๊ะที่เหมาะสมจะช่วยลดการปวดไหล่ และข้อมือได้เนื่องจากช่วยลดการเกร็งกล้ามเนื้อบริเวณไหล่
● นั่งตัวตรง ไหล่ผ่อนคลาย : การปรับความสูงของโต๊ะให้ข้อศอกตั้งฉากกับพื้น และแขนวางราบกับโต๊ะ ทำให้สามารถนั่งตัวตรงและผ่อนคลายไหล่ได้มากที่สุดในช่วงเวลาการทำงาน
●หน้าจอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ระดับสายตา : การตั้งหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตาช่วยลดอาการเกร็งคอโดยไม่รู้ตัว ช่วยรักษากล้ามเนื้อคอให้ไม่มีอาการปวดและรักษาสายตาอีกด้วย
● วางเท้าราบกับพื้น หรือใช้ที่รองเท้า : การวางเท้าราบกับพื้นช่วยลดการกดทับที่ข้อเข่า ดังนั้นหากเก้าอี้ปรับระดับความสูงไม่ได้ สามารถหาฐานใด ๆ มารองเท้าเพื่อให้วางเท้าราบกับพื้นได้
● เปลี่ยนท่าทางบ่อย ๆ ลุกขึ้นยืนยืดเส้นยืดสายทุก 30 นาที : การเปลี่ยนท่าทาง และยืดเส้นยืดสายเป็นประจำช่วยลดความตึงของกล้ามเนื้อ ได้เปลี่ยนอิริยาบถ ลดอาการปวดหลัง ปวดคอได้
● ใช้โต๊ะทำงานที่มีขนาดเหมาะสม : โต๊ะที่มีขนาดเหมาะสมช่วยให้มีพื้นที่เพียงพอในการทำงาน และโต๊ะทำงานที่ปรับระดับความสูงได้จะช่วยในเรื่องการปรับท่าทางด้วย
● ใช้เก้าอี้ที่มีคุณภาพ : เก้าอี้ที่มีคุณภาพช่วยรองรับหลังส่วนล่าง ลดการกดทับที่กระดูกสันหลัง และก้นได้
● ใช้ที่รองข้อมือ : ที่รองข้อมือช่วยลดการกดทับที่ข้อมือ และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคจากการใช้งานข้อมือมากเกินไป
●ใช้หน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ : หน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ช่วยลดความเครียดที่ตาและคอ สามารถนั่งห่างจากหน้าจอมากขึ้นได้
● ใช้แป้นพิมพ์และเมาส์ที่ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ : ช่วยลดอาการปวดข้อมือและนิ้วมือได้
● ยืดกล้ามเนื้อ : การยืดกล้ามเนื้อเป็นระยะ ๆ ช่วยลดความตึงและเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ
●ฝึกความแข็งแรง: การฝึกความแข็งแรงช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บที่ทำให้เกิดอาการปวด การออกกำลังกายเบา ๆ ที่บ้าน หรือบริหารร่างกายที่คลินิก สามารถลดอาการปวดได้อย่างมาก
● ออกกำลังกายแบบแอโรบิค: การออกกำลังกายแบบแอโรบิค เช่น เดินวิ่ง วันละ 15-30 นาที ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของหัวใจและปอด และลดความเครียดของร่างกาย
●พักผ่อน : การพักผ่อนที่เพียงพอช่วยให้ร่างกายได้ฟื้นฟู และลดความตึงของกล้ามเนื้อได้ การนอนน้อยสะสมทำให้ร่างกายตึงขึ้นโดยไม่รู้ตัว
หากใครที่ทำงานที่บ้านบ่อย ๆ ลองเอาเคล็ดลับเหล่านี้ไปใช้ดู รับรองว่าจะห่างไกลอาการปวด นั่งทำงานได้ยาว ๆ และไปทำกิจกรรมที่ชอบต่อได้เลยอย่างแน่นอน
ถ้าคุณกำลังมองหาคลินิกกายภาพบำบัดที่ใส่ใจและพร้อมให้บริการ รัชตกายา เป็นตัวเลือกที่คุณสามารถวางใจได้ เรามีนักกายภาพบำบัดมืออาชีพและอุปกรณ์ที่ทันสมัย พร้อมจะดูแลคุณในทุกขั้นตอนของการดูแลร่างกายของคุณ
ที่รัชตกายา เราให้บริการรักษาทางกายภาพบำบัดเพื่อฟื้นฟูอาการปวดเรื้อรัง และออฟฟิศซินโดรม ด้วยความใส่ใจ และเทคนิคเฉพาะที่จะทำให้อาการปวดไม่มา รบ กวนชีวิตประจำวันของคุณอีกต่อไป
เราเข้าใจว่าอาการเจ็บปวดร่างกายสามารถส่งผลต่อจิตใจและการใช้ชีวิต เราตั้งใจจะให้ทุกคนที่มาเจอเราได้ฟื้นฟูร่างกายให้สมดุลเพื่อสามารถเคลื่อนไหวได้ดั่งใจ
คลินิก กายภาพ รัชตกายา เปิดให้บริการ 5 สาขา เวลา 9.00-20.00
● สาขา บางนา ถนนลาซาล
● สาขาบางแค ถนนกัลปพฤกษ์
● สาขาดอนเมือง ซอยสรงประภา 13
● สาขาวัชรพล ปั๊มบางจาก สุขาภิบาล 5
● สาขาชิดลม ตึกมณียาเซ็นเตอร์ ชั้น 8
หากคุณสนใจที่จะตรวจประเมินอาการกับนักกายภาพบำบัดผู้เชี่ยวชาญของเราแอดไลน์ @rachatagaya เพื่อสอบถามคิวว่างและนัดเข้ามาได้เลย